วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บทความที่ 1 วันงดสูบบุหรีโลก

                                                              วันงดสูบบุหรี่โลก

ทุกๆ วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น วันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day) โดย ได้มีการประกาศตั้งแต่ พ.ศ. 2531 ( ค.ศ. 1988) โดยองค์การอนามัยโลก ได้มีการกำหนดกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ทั้งภาครัฐ ชุมชน และประชากรโลก ให้ตระหนักถึงพิษภัยและโทษของบุหรี่ เพื่อให้ประชากรโลก และเยาวชน ลด ละ เลิกบุหรี่นั้นเอง ทั้งนี้ เรามาทำความรู้จักกันตั้งแต่เริ่มต้นกันเลยว่า บุหรี่ มีที่มาอย่างไร

โดยมีการบำบัดผู้สูบบุหรีให้มาเคี้ยวหมากฝรั่งเลิกบุหรี่
เนื่องจากหมากฝรั่งชนิดนี้ประกอบด้วยนิโคตินในปริมาณต่ำ ๆ ( 2 และ 4 มิลลิกรัม/ชิ้น ) ทําให้ผู้ต้องการเลิกบุหรี่ไม่รู้สึกทรมานจากการขาดนิโคตินมากนัก เนื่องจากยังได้รับนิโคตินจากหมากฝรั่งอยู่ แต่ต้องเข้าใจนะค่ะว่าหมากฝรั่งเลิกบุหรี่จัดเป็นยาชนิดหนึ่ง ซึ่งต้อง

ใช้อย่างถูกวิธี
การใช้หมากฝรั่งเลิกบุหรี่มีขั้นตอนดังนี้                                                                                                                 * หยุดสูบบุหรี่ทันทีที่เริ่มเคี้ยวหมากฝรั่งเลิกบุหรี่                                                                                       * หามกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด เช่น น้ำส้ม น้ำอัดลม ไวน์ กาแฟ 15 นาทีก่อนเคี้ยวและระหว่างเคี้ยวหมากฝรั่งเลิกบุหรี่
          * เคี้ยวหมากฝรั่งชาๆจนได้รสเผ็ดซาไม่ควรเคี้ยวเร็วจนเกินไป ให้มีจังหวะหยุดเป็นพักๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น การระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร การปวดมวนในท้องหรือท้องอืด แล้วจึงหยุดเคี้ยวและอมหมากฝรั่งไว้ระหว่างกระพุ้งแก้มและเหงือก จนรสซ่าหายไป จึงเคี้ยวใหม่ ทําสลับกันนาน 30 นาทีและเปลี่ยนชิ้นใหม่ทุก 1-2 ชั่วโมง                                                                                                     * หากสูบบุหรี่วันละ 1-24 มวน ให้เคี้ยวหมากฝรั่งชิ้นละ 2 มิลลิกรัม วันละไม่เกิน30 ชิ้น                               * หากสูบบุหรี่วันละ 25 มวนขึ้นไป ให้เคี้ยวหมากฝรั่งขนาดชิ้นละ 4 มิลลิกรัมวันละไมเกิน 15 ชิ้น               * ไม่ควรรอจนรู้สึกอยากบุหรี่แล้วจึงใช้หมากฝรั่งเลิกบุหรี่ ควรเคี้ยวเป็นประจําตามเวลาที่กล่าวข้างต้น

ประวัติของบุหรี
              เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2035 ชาวอินเดียแดง ชนเผ่าพื้นเมืองในทวีปอเมริกา ได้เริ่มต้นใช้ยาสูบเป็นพวกแรก โดยชาวพื้นเมืองนั้นใช้ใบไม้ชนิดหนึ่งมามวนและ จุดไฟตอนปลายแล้วดูดดมควัน ต่อมาใน พ.ศ. 2091 ที่ประเทศบราซิลได้มีการปลูกยาสูบไว้เป็นพืชเศรษฐกิจ  และก็เริ่มมีการแพร่หลายกันมากขึ้น จนมาถึง พ.ศ. 2455 นาย จอห์น รอลฟ์ (John Rolfe) ชาวอังกฤษ ได้ทำการจดทะเบียนในการปลูกยาสูบเชิงพาณิชย์ ซึ่งตั้งแต่วันนั้น ก็ได้แพร่หลายสู่ทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้


ประวัติของบุหรี่ในประเทศไทย
             ใน ประเทศไทยเรานี้เริ่มต้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีหลักฐานจากจดหมายเหตุของ เมอร์ซิเออร์ เดอลาลูแบร์ (Momsieur De La Loubre) อัครราชทูตฝรั่งเศส ได้เดินทางมาเมืองไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2230 เขียนเล่าเรื่องไว้ว่า คนไทยชอบใช้ยาสูบอย่างฉุนทั้งชายและ หญิง โดยได้ยาสูบมาจากเมืองมะนิลา ในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และประเทศจีน ครั้นมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการผลิตบุหรี่ขึ้นโดยบริษัทที่มีชาวอังกฤษ เป็นเจ้าของในพ.ศ. 2460 ด้วยวิถีการผลิตด้วยมือ จากนั้นรัชสมัยสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการนำเครื่องจักรเข้ามาผลิต ทำให้การสูบบุหรี่เกิดการแพร่หลายมากขึ้น จนมาถึง พ.ศ. 2482 รัฐบาลได้จัดตั้งโรงงานยาสูบขึ้น โดยใช้ชื่อกิจการมาจากห้างหุ้นส่วนบูรพายาสูบ จำกัด  โดยดำเนินกิจการอุตสาหกรรมยาสูบภายใต้การควบคุมของกรมสรรพสามิต ต่อมาเศรษฐกิจได้พัฒนามากขึ้น จึงมีการรวมกิจการต่างๆ เข้าด้วยกัน และดำเนินการภายใต้ชื่อ โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง มาจนถึงปัจจุบัน

โทษของการสูบบุหรี่
ปัจจุบัน นี้เรารู้กันอยู่แล้วว่า บุหรี่นั้นมีโทษภัยร้ายแรงทั้งตัวผู้สูบและ บุคคลรอบข้าง วันนี้จึงได้นำข้อมูลที่เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่มาทบทวนกันให้ทราบถึงโทษของบุหรี่ หลักๆ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้งดสูบบุหรี่ หรือเลิกสูบบุหรี่ ดังนี้ 
1.บุหรี่ เป็นชื่อเรียกชนิดหนึ่งของ ยาสูบ ซึ่งมีคนนิยมมาก                                                                          2.ยาสูบ เป็นพืชที่ปลูกได้ในทุกสภาพดินและ อากาศ ส่วนที่สร้างปัญหาทางด้านสุขภาพขอยาสูบคือ ใบ                                                                                                                                                            3.ใบ ยาสูบ มีส่วนประกอบต่างๆ มากกว่า 4,000 ชนิด เมื่อเกิดการเผาไหม้ ทั้งสารเคมีที่มีพิษและ ไม่มีพิษ ซึ่ง ส่วนใหญ่คือสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ความดัน โรคหัวใจ
4.การสูบบุหรี่ ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศลดลง ฟันเหลือง ตาแดง เล็บเขียว มีกลิ่นปาก                     5.บุหรี่ คือ ฆาตรกรเงียบ ที่ทำร้ายชีวิตของเราโดยไม่รู้ตัว ไม่เพียงเท่านั้น ยังทำร้ายคนข้างกาย คนที่เรารักอีกด้วย

อ้างอิ้งhttp://scoop.mthai.com/specialdays/5136.html (29/06/58)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น